โครงการ “๑ ดวงตา ๑ น้ำใจ” ภายใต้โครงการ “ราษฎรสุขใจ พลานามัยสมบูรณ์” แพทย์พระราชทาน โดยมูลนิธิเอสซีจี ร่วมกับสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ และภาคี ขับเคลื่อนการผ่าตัดแก่ผู้ป่วยโรคต้อกระจก ซึ่งเป็นโรคที่มีผู้ป่วยรอรับการผ่าตัดรักษากว่า 26,000 รายต่อปี ให้ได้มีโอกาสเข้าถึงการรักษาอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม ในโอกาสนี้ จึงขอเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาร่วมสมทบทุน เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการมอบดวงตาที่สดใสสร้างโอกาสใหม่ในการมองเห็น การสมทบทุนทุก 8,000.- บาท เพื่อใช้ในการผ่าตัด 1 ดวงตา ท่านจะได้รับใบประกาศเกียรติคุณ โดยสามารถกรอกข้อมูลสำหรับรับใบประกาศเกียรติคุณได้ที่ https://forms.gle/BK9PG1sxPSzZXwTFA และสำหรับทุกยอดมทบทุนามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ 1 เท่า โดยมีระยะเวลาตั้งแต่วันนี้ – 31 สิงหาคม 2566 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทรศัพท์หมายเลข 083-811-1111 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://youtu.be/3YXqvILH1oI
คุณสุวิมล จิวาลักษณ์ กรรมการและผู้จัดการมูลนิธิเอสซีจี และดร.ไกรยส ภัทราวาท ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) คุณธันว์ธิดา วงศ์ประสงค์ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนานวัตกรรมเพื่อสร้างโอกาสการเรียนรู้ กสศ. ร่วมหารือและแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับการดำเนิน “โครงการพัฒนาตัวแบบกองทุนเพื่อพัฒนาอาชีพ เพื่อผสานความร่วมมือในการขยายพื้นที่การทำงานของโครงการฯ โดยใช้ชุมชนเป็นฐาน เพื่อสร้างการเรียนรู้ และการพัฒนาอาชีพ สร้างรายได้ และความเข้มแข็งให้กับชุมชนอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ มีหน่วยจัดการเรียนรู้เข้าร่วมโครงการนำร่องทั้งหมด 3 หน่วย ได้แก่ วิสาหกิจชุมชนพอใจในวิถีพอเพียง จังหวัดกาญจนบุรี, กลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มทอเสื่อบ้านโพธิ์ทอง (ก.กกบึงกาฬ) จังหวัดบึงกาฬ, ชมรมเพื่อเพื่อนผู้พิการตำบลแจ้ซ้อน จังหวัดลำปาง โดยมีเป้าหมายเพื่อร่วมกันสร้างตัวแบบกองทุนเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้และการพัฒนาอาชีพ ภายใต้แนวคิดการใช้ “อาชีพ” และ “กองทุน” เป็น “เครื่องมือช่วยให้คนเกิดการเรียนรู้” โดยใช้ชุมชนเป็นฐาน ผ่านการพัฒนางานบนความต้องการของคนในชุมชนโดยเฉพาะกลุ่มคนด้อยโอกาส สำหรับการทำงานระหว่างมูลนิธิเอสซีจี และ กสศ. จะดำเนินงานร่วมกันในลักษณะการบริหารเครือข่ายความร่วมมือ เน้นการเข้าไปสร้างการเรียนรู้อย่างมีส่วนร่วม และส่งเสริมการลงมือปฏิบัติโดยคนในพื้นที่ (community based) พัฒนาต่อยอดจากทุนเดิมที่สร้างไว้ในชุมชน ผ่านการหนุนเสริมกลไกการบริหารจัดการที่สอดคล้องกับชุมชน มุ่งเน้นให้ผู้ด้อยโอกาสที่เป็นเยาวชนและแรงงานนอกระบบ เข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ สร้างความเป็นเจ้าของ และร่วมเป็นคณะทำงานในการขับเคลื่อนกองทุน และยังเกิดนวัตกรรมทางการเงินช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา
มูลนิธิเอสซีจีและเพื่อนพนักงานเอสซีจี ร่วมเป็นตัวแทนของผู้บริจาค ในโครงการ “สะพานบุญ สะพานใจ: บุญ×2 รับปีทองน้องกระต่าย” มอบเงินจำนวน 397,722.20 บาท ให้แก่โรงเรียนกายอุปกรณ์สิรินธร คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ป่วยที่พิการให้มีโอกาสเข้าถึงแขนขาเทียม และอวัยวะต่างๆ ที่สูญเสียไป เพื่อใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพและมีความสุข ผู้สนใจ สามารถร่วมสนับสนุนโรงเรียนกายอุปกรณ์สิรินธรเพิ่มเติม ด้วยการบริจาคเงินเข้าศิริราชมูลนิธิ ธนาคารกรุงเทพ ชื่อบัญชี ศิริราชมูลนิธิ เลขที่บัญชี 901-7-071888 โดยระบุในบันทึก “กองทุนกายอุปกรณ์เพื่อผู้พิการ” หรือ “กองทุน D003366”
พี่แป๊ด สุวิมล จิวาลักษณ์ กรรมการและผู้จัดการมูลนิธิเอสซีจี มอบทุนการศึกษาให้แก่นักเรียนหลักสูตรผู้ช่วยพยาบาล คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล โดย รศ.นพ.รัฐพล ตวงทอง รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลให้เกียรติเป็นตัวแทนรับมอบ ณ ห้องประชุม ปาลวัฒน์วิไชย 1 (ห้อง627) ตึกอดุลยเดชวิกรม ชั้น 6 คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มูลนิธิฯ ร่วมสร้างบุคคลากรทางการแพทย์เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการรักษา และพัฒนาด้านสาธารณสุขต่อไป
หลังจากการเปิดรับบริจาคโครงการ “สะพานบุญ สะพานใจ: บุญ x 2 รับปีทองน้องกระต่าย” ระหว่างวันที่ 19-31 ธันวาคม 2565 นั้น ได้มียอดบริจาคใน 3 โครงการ รวมทั้งสิ้น 696,992.10 บาท ซึ่งมูลนิธิเอสซีจี สมทบอีก 1 เท่า รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,393,984.20 บาท โดยสามารถติดตามความคืบหน้าการบริจาค ได้ที่ www.scgfoundation.org รวมทั้งช่องทางต่างๆของมูลนิธิเอสซีจี และเพจ “ปันโอกาส” เราขอสวัสดีปีใหม่ 2566 ให้ปีนี้เป็นปีกระต่ายทองของทุกท่าน และร่วมอนุโมทนาบุญนี้ด้วยกันกับทุกท่าน
มูลนิธิเอสซีจี ร่วมกับเพื่อนพนักงานเอสซีจีจิตอาสาจัดกิจกรรม ‘ปันโอกาสโรงเรียนต้องรอด’ เพื่อให้คุณครูและเด็กๆ มีสุขอนามัยที่ดี แข็งแรง และรอดพ้นจากโควิด-19 ที่กลับมาอีกระลอก จากความห่วงใยของเพื่อนพนักงานเอสซีจีจิตอาสาที่อยากเห็นเด็กๆ ไปโรงเรียนอย่างมีความสุข จึงรณรงค์ให้น้องๆ เห็นความสำคัญของการดูแลตนเอง พร้อมทั้งยังร่วมมือร่วมใจกันปรับปรุงพื้นที่โรงเรียน โรงอาหาร ห้องน้ำ จัดกิจกรรมส่งมอบพื้นที่ปลอดภัย รวมถึงมอบวัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็น อาทิเช่น อ่างล้างมือ เครื่องกรองน้ำ เจลแอลกอฮอล์ ที่ตรวจ ATK รวมถึงทำป้ายให้ความรู้กับเด็กๆ ในการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อพร้อมรับมือและต่อสู้กับไวรัสตัวฉกาจ ที่กำลังกลับมาแพร่ระบาดอีกครั้ง โครงการปันโอกาสโรงเรียนต้องรอด ได้ดำเนินการส่งมอบไปแล้วจำนวนทั้งสิ้น 6 จังหวัด ได้แก่ เพื่อเด็กๆ และคุณครู จะได้ปลอดภัยมูลนิธิเอสซีจีเชื่อว่าพลังแห่งความร่วมมือของชาวเอสซีจีจิตอาสาครั้งนี้ จะช่วยให้ทุกคนในโรงเรียนปลอดภัยและห่างไกลจากโควิด-19 รวมถึงโรคอุบัติใหม่อื่นๆ ที่อาจมีในอนาคต
ส่งท้ายปีด้วยกิจกรรมดีๆ ที่อยากชวนมาร่วมบุญกัน มูลนิธิเอสซีจี ขอเชิญชวนร่วมส่งต่อความรักกำลังใจ แถมลดหย่อนภาษีได้ 1 เท่าโดยสามารถเลือกบริจาคง่ายๆ ผ่าน e-donation เพื่อช่วยเหลือได้ใน 3 โครงการ ดังนี้ !!!ทุกการบริจาคมูลนิธิเอสซีจีจะร่วมสมทบอีก 1 เท่าจากยอดบริจาค!!!! มาร่วมทำบุญรับปีใหม่ 2566 แล้วยังได้ลดหย่อนภาษีปลายปี 2565 กับเรา กันนะคะ ร่วมบริจาคได้ตั้งแต่วันนี้- 31 ธ.ค. 65 ผ่าน Platform “สะพานบุญ สะพานใจ” โดยมูลนิธิเอสซีจี http://localhost:10149/meritbridge/สอบถามข้อมูล : 02-586-5506
ศิลปะ เป็นผลงานที่เกิดจากการสร้างสรรค์ความงาม เพื่อฟื้นฟูจิตใจและจรรโลงสังคมให้ดำรงอยู่อย่างมีความสุข เวทีประกวดศิลปะจึงถือเป็นพื้นที่ที่สำคัญเพื่อเปิดโอกาสและสนับสนุนส่งเสริมให้เยาวชนมีพื้นที่แห่งการพัฒนาความคิด เทคนิค ทักษะฝีมือ ตามความคิดสร้างสรรค์ของตนเองอย่างอิสระ อันนำไปสู่การเติบโตเป็นศิลปินชั้นเยี่ยมระดับนานาชาติต่อไป มูลนิธิเอสซีจีเห็นความสำคัญของการประกวดศิลปะระดับเยาวชน จึงได้ดำเนินโครงการรางวัล ยุวศิลปินไทย หรือ Young Thai Artist Award มาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 18 เพื่อสนับสนุน ส่งเสริมให้เยาวชนอายุ 18 – 25 ปีจากทั่วประเทศ ที่มีความสามารถด้านศิลปะจำนวน 6 สาขาได้แก่ สาขาศิลปะ 2 มิติ ศิลปะ 3 มิติ ภาพถ่าย ภาพยนตร์ วรรณกรรม และการประพันธ์ดนตรี ได้สร้างสรรค์ผลงานส่งเข้าร่วมประกวด โครงการนี้ฯ ได้รับความร่วมมืออันดีจากคณะผู้ร่วมจัดงานทุกฝ่าย อาทิ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยกรุงเทพ มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง สมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย ตลอดจนคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิทุกท่าน ถือเป็นอีกหนึ่งพื้นที่สำคัญแห่งการเจียระไนเพชรน้ำงาม สร้างศิลปินรุ่นเยาว์ให้เติบโตบนเส้นทางศิลปะ ซึ่งการันตีคุณภาพด้วยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งเป็นที่ยอมรับสมกับรางวัลถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมอีสปอร์ต (Esports) มีการเติบโตขึ้นมาก ทั่วโลกต่างให้การยอมรับ โดยในประเทศไทยได้ประกาศให้กีฬาอีสปอร์ตเป็นกีฬาอาชีพเมื่อปี พ.ศ.2564 มูลนิธิเอสซีจีเล็งเห็นความสำคัญและมุ่งเน้นส่งเสริมศักยภาพของเยาวชน ตามแนวคิด Learn to Earn เรียนรู้เพื่ออยู่รอด จึงร่วมสนับสนุนการพัฒนาทักษะ และผลักดันอาชีพอีสปอร์ตให้เยาวชน Gen Z ได้มีทางเลือกที่หลากหลาย สามารถหางานทำได้อย่างมั่นคงจากอาชีพนี้ ตลอดจนก้าวไปถึงการเป็นตัวแทนประเทศเพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยในเวทีโลกต่อไป จับมือทีม KOG เดินสายให้ความรู้พร้อมการปฏิบัติจริง มูลนิธิเอสซีจี ร่วมกับทีม King Of Gamers Club (KOG) สโมสร คิง ออฟ เกมเมอร์ คลับ สโมสรกีฬาอีสปอร์ตระดับอาชีพ ร่วมกันดำเนินการจัดการแข่งขันกีฬาอีสปอร์ต (Tournament School Project) ในสถานศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษา จำนวน 18 แห่ง โดยจัดแข่งขันเกม RoV เพื่อให้เยาวชนได้รู้จักอาชีพอีสปอร์ต และมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ทุกขั้นตอน ตั้งแต่การวางแผนไปจนถึงทักษะการจัดการแข่งขัน ตลอดจนแนะนำหลักสูตรการเรียนต่อสายอาชีพนี้ในระดับมหาวิทยาลัย กิจกรรมที่จัดขึ้น ไม่ได้เป็นการจัดบรรยายตามปกติทั่วไป แต่เป็นการให้ความรู้ในรูปแบบของการ Learning by
มูลนิธิเอสซีจี นำโดยพี่รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส ประธานกรรมการมูลนิธิเอสซีจี พร้อมพี่ๆ ผู้บริหาร และทีมงานจิตอาสาจากปูนทุ่งสง ส่งมอบโรงอาหาร ณ ร.ร.บ้านชายคลอง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ภายใต้โครงการปันโอกาส “โรงเรียนต้องรอด” เพราะเราอยากเห็นเด็กน้อยและคุณครูมีโรงอาหารที่ถูกสุขลักษณะ สะอาด ปลอดภัย ตรงตามมาตรฐานสุขาภิบาลโรงอาหารในสถานศึกษา จึงได้ร่วมกันกับโรงเรียน ชุมชน หน่วยงานภาครัฐของทุ่งสง และเพื่อนๆ พนักงานเอสซีจี ช่วยกันคิด ช่วยกันออกแบบ เพื่อให้โรงอาหารนี้ตอบโจทย์ผู้ใช้งานจริง และหวังว่าน้องๆ จะชอบโรงอาหารที่ปรับปรุงใหม่นี้ และมีความสุข กินไป ยิ้มไป ปลอดภัย ปลอดโรค