โลกยุคปัจจุบันที่ปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ได้เข้ามามีบทบาทในการทำงานในหลายองค์กร ส่งผลให้เกิดความกังวลว่า AI จะมาแทนที่แรงงานมนุษย์แม้ว่าจะมีงานวิจัยของหลายหน่วยงานยืนยันว่า AI เป็นเครื่องมือที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงาน ยังไม่สามารถแทนที่แรงงานมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์ เพราะยังมีหลายทักษะที่ AI ไม่สามารถแทนที่ได้ โดยเฉพาะ Soft Skills ที่จะช่วยให้มนุษย์ยังคงเป็นที่ต้องการในตลาดแรงงาน ปัจจุบันองค์กรชั้นนำไม่ได้มองหาแต่คนเก่งคนมีความสามารถทางวิชาชีพเพียงอย่างเดียวแล้ว แต่มองหาพนักงานที่มี Soft Skills ในหลายเรื่อง เช่น ทักษะด้านการสื่อสารหรือภาษา ทักษะการทำงานร่วมกันเป็นทีม ทักษะการคิดอย่างสร้างสรรค์ เป็นต้น รวมถึงต้องการบุคลากรที่มีทัศนคติที่ดีต่อการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง หรือ Lifelong learning พัฒนาตนเองตลอดเวลา เพื่อที่จะได้ร่วมกันนำพาองค์กรก้าวสู่ความสำเร็จในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จากการจัดอันดับ Top 50 องค์กรในฝันของคนรุ่นใหม่ที่อยากร่วมงานด้วยมากที่สุดในปี 2025 โดย WorkVenture ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำด้านกลยุทธ์การพัฒนาทรัพยากรบุคคล พบว่าองค์กรชั้นนำหลายแห่ง อาทิ Google องค์กรในฝันอันดับหนึ่ง, บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCG องค์กรในฝันอันดับ 2, บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด
ความท้าทายครั้งใหญ่สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังจะมีลูกที่เป็นเด็ก Gen Beta (เด็กเกิดปี 2568-2582) หรือที่มีลูกอยู่ใน Gen Alpha ปลายๆ ซึ่งพวกเขาจะเกิดมาและใช้ชีวิตร่วมกับระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์ รวมถึงนวัตกรรมที่มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว แล้วคุณพ่อคุณแม่ ควรจะต้องเลี้ยงลูก Gen นี้อย่างไรให้พวกเขาอยู่รอดและมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้เมื่อเขาเติบโตขึ้น แนวคิด “Learn to Earn เรียนรู้เพื่ออยู่รอด” ที่มีแก่นสำคัญคือการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong learning) ที่มูลนิธิเอสซีจี ได้ผลักดันมาตลอดในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา จนกลายเป็นแนวคิดที่สำคัญมากในยุคของ Gen Beta เพราะรางวัลจากโลกอนาคตไม่ได้มีไว้สำหรับคนที่จบปริญญาแล้วหยุดการเรียนรู้เหมือนที่คนรุ่นเก่าๆ ปฏิบัติกันมาในอดีต แต่โลกอนาคตจะให้รางวัลกับคนที่เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา การเตรียมความพร้อมด้วยการปลูกฝังแนวคิดนี้ให้กับเด็ก Gen Beta จะทำให้เกิดความคุ้นชินและเกิดเป็นพฤติกรรมที่จะต้อง “เรียนรู้อยู่ตลอดเวลา” เพื่อที่จะมีชีวิตอยู่รอดได้อย่างดีและมีคุณภาพในโลกแห่งอนาคตอันใกล้นี้ และนี่คือ 4 เรื่องสำคัญที่อยากแนะนำคุณพ่อคุณแม่ใช้เป็นเทคนิคในการเตรียมความพร้อมให้กับลูกน้อยของคุณ 1. สร้างวินัยการเรียนรู้ตลอดชีวิต World Economic Forum (WEF) เคยสำรวจแนวโน้มของตลาดแรงงานทั่วโลกและได้วิเคราะห์ถึงทักษะที่จำเป็นในอนาคต และผลกระทบต่อการจ้างงานไว้เมื่อปี 2023 ว่า Gen
จากปัญหาการขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขและสภาการพยาบาลได้พยายามแก้ปัญหาด้วยการผลิตบุคลากร “ผู้ช่วยพยาบาล” เข้ามาช่วยและแบ่งเบางานของพยาบาล แต่ปัญหานี้ก็ยังไม่คลี่คลายลงมากนัก เพราะอัตราส่วนพยาบาลต่อจำนวนประชากร ยังคงเป็น 1 ต่อ 250 และตั้งเป้าหมายไว้ว่าภายในปี 2577 จะต้องผลิตบุคลากรเพิ่มให้มากขึ้นเพื่อให้อัตราส่วนพยาบาลต่อประชากรเป็น 1 ต่อ 200 ก็ตาม โรงพยาบาลศิริราช ในฐานะโรงพยาบาลที่เป็นโรงเรียนแพทย์ นอกจากการผลิตแพทย์และพยาบาลให้กับวงการแพทย์แล้ว ยังได้เปิดหลักสูตรผู้ช่วยพยาบาลขึ้น เพื่อผลิตบุคลากรมาช่วยในส่วนงานของโรงพยาบาลศิริราชและสถานพยาบาลในเครือข่ายเอง โดยเป็นหลักสูตรการเรียนการสอนภายใต้การบริหารจัดการของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และจากความต้องการผู้ช่วยพยาบาล ทำให้เกิดเป็นความร่วมมือกับมูลนิธิเอสซีจี ในการสนับสนุนทุนการศึกษาให้กับนักเรียนในหลักสูตรนี้มาตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน ที่ผ่านมามูลนิธิเอสซีจี สนับสนุนทุนการศึกษาให้เด็กและเยาวชนมาอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นการให้ทุนในสาขาที่ตอบโจทย์ความต้องการของประเทศตามแนวคิด Learn to Earn เรียนรู้ เพื่ออยู่รอด ส่งเสริมให้เด็ก และเยาวชน ได้มีการพัฒนาทักษะและประสบการณ์ในสายอาชีพ ทั้งทักษะวิชาชีพและทักษะชีวิตอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตในโลกยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้อย่างยั่งยืนและมั่นคง เช่นการสนับสนุนทุนการศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตร “ผู้ช่วยพยาบาล” กับคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล จำนวน 179 ทุน เป็นงบประมาณกว่า 4 ล้านบาท รศ. นพ. ตรีภพ เลิศบรรณพงษ์
มูลนิธิเอสซีจี เดินหน้าส่งเสริมแนวคิด Learn to Earn เรียนรู้เพื่ออยู่รอดในกลุ่มเด็กและเยาวชนอย่างต่อเนื่อง สนับสนุนให้มีโอกาสต่อยอดทักษะและความสามารถ เพื่อให้เกิดการเรียนรู้และสามารถนำทักษะทั้ง Hard Skill และ Soft Skill มาใช้พัฒนาตนเองในแต่ละบริบทของสถานการณ์เพื่อให้อยู่รอดได้ โดยเฉพาะในแวดวงงานศิลปะ ในโครงการต่างๆ เช่นโครงการ “ยุวศิลปินไทย” หรือ Young Thai Artist Award เพื่อให้ศิลปินรุ่นเยาว์ได้มีพื้นที่แสดงผลงานเพื่อจะเป็นฐานและโอกาสที่จะได้พัฒนาความสามารถด้านศิลปะ เพื่อก้าวเข้าสู่วงการงานด้านศิลปะอย่างเต็มตัว โดยปีนี้ เป็นโอกาสพิเศษครบรอบ 20 ปี และได้ใช้วาระความพิเศษนี้ พูดคุยกับยุวศิลปินน้องใหม่เจ้าของรางวัลยอดเยี่ยมสาขาวรรณกรรมและสาขาภาพยนตร์ ที่มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์เกี่ยวกับแนวคิด Learn to Earn และการใช้ทักษะทั้ง Hard Skills และ Soft Skills ในการทำงานศิลปะของตนเอง อติรุจ ดือเระ เจ้าของรางวัลยอดเยี่ยมสาขาวรรณกรรม Young Thai Artist Award ประจำปี 2567 จากผลงาน “เริงรำและร่ำไห้ในรั้วบ้านเดียวกัน” เล่าว่าตนเองเป็นคนชอบเขียนมาตั้งแต่เด็ก แต่ก็ไม่คิดมาก่อนว่างานเขียนจะส่งผลกับชีวิตตนเอง
มูลนิธิเอสซีจี สนับสนุนให้เด็กและเยาวชนรู้จักและเข้าใจถึงแนวคิด Learn to Earn เรียนรู้เพื่ออยู่รอด ด้วยการนำทักษะที่มีทั้ง Hard Skill และ Soft Skill มาใช้ในแต่ละโอกาส เพื่อให้อยู่รอดได้ในโลกยุคปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งที่ผ่านมามูลนิธิฯ ได้ให้การสนับสนุนและต่อยอดความรู้ความสามารถของเด็กและเยาวชนไทย เพื่อส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้และพัฒนาทักษะในทุกด้าน โดยเฉพาะการเรียนรู้และการพัฒนาที่จะต้องทำตลอดชีวิต เพื่อที่จะสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่มีอยู่ตลอดเวลา
มูลนิธิเอสซีจี ส่งเสริมแนวคิด Learn to Earn เรียนรู้ เพื่ออยู่รอด ผ่านโครงการยุวศิลปินไทย Young Thai Artist Award ที่ศิลปินสามารถผสมผสานทักษะ Hard Skill และ Soft Skill ในการสร้างชิ้นงานศิลปะจนประสบความสำเร็จในชีวิต
มูลนิธิเอสซีจี เชิญชวนผู้สนใจในงานศิลปะ ร่วมงาน Young Thai Artist Award 2024 ในวันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2567 ตั้งแต่เวลา 13.00-17.00 น. ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร โดยมีหลากหลายกิจกรรมดังนี้
จากความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนเยาวชนไทยในการพัฒนาทักษะและประสบการณ์ในสายอาชีพ เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในโลกยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วตลอดเวลา นอกจากที่มูลนิธิเอสซีจีให้การสนับสนุนเรื่องทุนการศึกษาแล้ว ยังสนับสนุนการแข่งขันฝีมือแรงงานมาอย่างต่อเนื่อง