มูลนิธิเอสซีจี ตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างบุคลากรในสายช่าง โดยเห็นว่าพวกเขาไม่ได้เป็นเพียงแค่เด็กอาชีวะแต่เขาคือบุคคลสำคัญของสังคม ที่มุ่งมั่นสร้างความฝัน ด้วยสมองและสองมือเป็นผู้ที่มีทักษะและประสบการณ์งานช่างที่ถูกปลูกฝังมาแต่แรกเริ่มจนมีความเชี่ยวชาญ เราขอยกย่องคนกลุ่มนี้ให้เป็น “อาชีวะฝีมือชน” ผู้ที่เป็นนักคิดและนักปฏิบัติที่เชี่ยวชาญ ในสายวิชาชีพ ผ่านการเรียนรู้จากสถาบันอาชีวะ ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาชาติไทย
การที่ประเทศไทยจะเข้าสู่ “ไทยแลนด์ 4.0” ต้องมุ่งเน้นการเตรียมความ พร้อมกำลังแรงงานให้สอดรับกับภาคเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเด็กและ เยาวชนไทยและแรงงานรุ่นใหม่ ด้วยเหตุนี้เอง แนวทางการพัฒนากำลัง คนหรือการปรับตัวเพื่อก้าวไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 ในช่วง 5 ปีต่อจากนี้ จึง จำเป็นต้องมีการสร้างแรงงานรุ่นใหม่ในระดับอุดมศึกษาเพื่อป้อนตลาด แรงงานจำนวน 3.32 ล้านคน โดยแบ่งเป็นระดับอาชีวะศึกษา 1.99 ล้านคน และระดับมหาวิทยาลัย 1.33 ล้านคน
“ถึงแม้ว่าคนส่วนใหญ่จะมีทัศนคติที่คลาดเคลื่อนต่อการเรียนอาชีวะ แต่ในความเป็นจริงแล้วมีเด็กไม่ถึง 1% จากนักเรียนอาชีวะทั้งหมดที่ทำให้เกิดกระแสข่าวในแง่ลบ หากแต่เด็กที่เรียนในสายนี้ส่วนใหญ่มีความรับผิดชอบ ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน ฝึกฝนปฏิบัติ สร้างสรรค์ผลงานนวัตกรรมต่างๆจนสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย ในเวทีระดับนานาชาติ ฉะนั้นการเรียนอาชีวศึกษาจึงเป็นการเรียนสายอาชีพที่ดี มีเกียรติเช่นเดียวกับอาชีพอื่นๆ”
มูลนิธิเอสซีจีเห็นโอกาสของนักเรียนที่เรียนอาชีวศึกษา จึงจัดทำโครงการ "อาชีวะฝีมือชนคนสร้างชาติ" เพื่อส่งเสริม ให้นักเรียนได้มีโอกาสศึกษาสายอาชีพ โดยเริ่มสนับสนุนทุนการศึกษาในสาขาช่างอุตสาหกรรมตั้งแต่ปี 2556 ต่อมาในปี 2558 ได้เพิ่มการให้ทุนการศึกษาอาชีวะฝีมือชน คนสร้างชาติในสาขาบริการ ปัจจุบันมีนักเรียนทุนอาชีวะฝีมือชน คนสร้างชาติ อยู่ทั้งสิ้นประมาณ 1,200 คน และในปี 2560 นี้ ได้มีเป้าหมายรับสมัครนักเรียนทุนฯ ในสาขาช่างอุตสาหกรรม จำนวน 300 คน และสาขาบริการจำนวน 1600 คนทั่วประเทศ
